ทุกวันนี้เวลาเดินไปไหนมาไหนในกรุงเทพฯ สถานที่ที่เราพบเจอกันบ่อยพอ ๆ กับ 7-11 ก็เห็นจะเป็นร้านนวดแผนไทย เนื่องจากการนวดไทยนั้นกำลังเป็นที่ฮอตฮิตในทั้งหมู่คนไทย และชาวต่างประเทศ ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน เวลาไหน หรือแม้แต่กำลังทำกิจกรรมอะไร เสียงเรียกให้เข้ารับบริการนวด ก็มักจะทำให้เรารู้สึกเมื่อยล้าขึ้นมาแปลกๆ ด้วยความที่การนวด โดยเฉพาะนวดแผนไทยอันเลื่องชื่อแล้วนั้น ใคร ๆ ก็ว่าดีกันเสียเหลือเกิน ว่ากันว่าสามารถช่วยเรื่องสุขภาพแบบครบครัน แถมยังให้ความผ่อนคลาย สบายเนื้อสบายตัวได้เป็นอย่างดี ผู้คนมากมายจึงแห่เดินเข้าร้านนวดกันว่าเล่น โดยหารู้ไม่ว่าวิธีการบำบัดร่างกายจากความเมื่อยล้า และโรคบางอย่างด้วยการนวดนั้น ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีเสมอไป อย่างกับสำนวนที่ว่า ลางเนื้อชอบลางยา (การรักษาบางอย่างก็เพียงแต่จะเหมาะกับบุคคลบางประเภท ทั้งนี้ก็ต้องดูเป็นกรณีไป ร่างกายของแต่ละคนตอบสนองการรักษาเดียวกันคนละแบบ) การนวดแผนไทยก็เหมือนกัน แม้ว่าจะมีข้อดีอยู่มาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียเลย ก่อนเข้ารับการนวด ผู้นวดควรจะต้องศึกษาข้อมูลเรื่องประโยชน์ และโทษให้ดีเสียก่อน เพื่อป้องกันอันตราย หรือความเสียหายบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายได้ วงในบิวตี้ได้รวบรวมเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ สำหรับการเตรียมตัวก่อนตัดสินใจนวดแผนไทย เพื่อให้การรักษาแบบไทยๆ ออกฤทธิ์ออกเดชไปในทางที่ถูกที่ควรต่อสุขภาพร่างกายสมคำร่ำลือ มีทั้งหมด 5 ข้อด้วยกัน มาดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง อันดับแรก เราต้องเข้าใจก่อนว่าการนวดแผนไทยนั้นสามารถที่จะให้โทษแก่ร่างกายเราได้เหมือนกัน ถ้าการนวดกระทำขึ้นอย่างผิดวิธี อย่างเช่น ผู้นวดไม่มีความชำนาญพอ ตัวเราเองมีโรคประจำตัวบางอย่างที่อาจตอบสนองการนวดออกมาในแบบที่เลวร้าย รุนแรงได้ ข้อเสียของการนวดที่พบบ่อยก็คือ อาการฟกช้ำจากการนวดที่แรงเกินไป อาจทำให้เกิดกล้ามเนื้ออักเสบ บวมแดง หากเกิดขึ้นซ้ำ ๆ บ่อยๆ ขึ้น จะทำให้เกิดพังผืด จนต้องไปผ่าตัดออกกันเลยนะคะ อันดับสอง ใครที่มีโรคประจำตัวต่อไปนี้ควรจะต้องงด หรือระมัดระวังให้มากในระหว่างการนวด เพราะการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต หรือการยืดดัดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นนั้น อาจทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บได้ โรคที่ว่ามีดังต่อไปนี้ โรคความดันโลหิต, โรคหัวใจ, โรคกระดูดพรุน, โรคเกี่ยวกับระบบประสาท โดยเฉพาะไขสันหลัง, โรคข้อต่อหลวม, โรคหลอดเลือด หรือน้ำเหลืออุดตัน, โรคเบาหวาน เป็นต้น ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าผู้เป็นโรคเหล่านี้ไม่สามารถนวดแผนไทยได้นะคะ เพียงแค่ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อน ว่าสามารถที่จะนวดแผนไทย แบบกดจุด ยืดเส้นได้หรือไม่ เพื่อป้องกันเอาไว้ ไม่ให้เกิดอาการฟกช้ำ ระบบหมุนเวียนเลือดแปรปรวนหรือกระดูกหักค่ะ อันดับสาม ผู้ที่มีบาดแผล หรือบาดแผลติดเชื้อ การนวดแผนไทยจะทำให้แผลลุกลาม และเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น โดยเฉพาะกับอุปกรณ์ หมอน ผ้าปู ต่าง ๆ ควรจะเลือกเข้ารับการนวดจากร้านที่มีอนามัยที่ดีนะคะ อันดับสี่ ข้อนี้อาจจะดูขัดเสียนิดหนึ่ง เนื่องจากเหตุผลส่วนใหญ่ที่คนไปนวดกันนั้นก็เป็นเพราะว่าต้องการจะผ่อนคลายความปวด เมื่อยล้า แต่สำหรับคนที่มีอาการปวดเมื่อยล้ามากจนเกินไป การนวดดูจะไม่ได้เป็นทางออกที่ดีค่ะ เพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้หายปวดแล้ว อาจทำให้อาการทรุดหนักไปอีก อาการปวดเมื่อยจนเกินไปที่ว่า มีดังนี้ค่ะ 1) อาการปวดหัวที่เกิดจากไซนัสอักเสบ อาจทำให้การมองเห็นไม่ชัด เกิดภาพซ้อน มีอาการอาเจียนแทรกซ้อน 2) อาการปวดคอที่ร้าวชาไปจนถึงบ่า ไหล่ มีอาการแขนขาไม่มีแรงร่วมด้วย 3) อาการปวดไหล่ หรือแขนขา ที่ไม่สามารถขยับไหล่ หรือแขนขาได้ หัวไหล่ หรือแขนขามีอาการบวมแดง ร้อน ปวดร้าว 4)อาการปวดหลังที่ร้าวเสียวไปจนถึงสะโพก แขนขาชา มีอาการจับไข้หนาวสั่น ทั้งสี่อาการเหล่านี้ ไม่ควรรักษาด้วยการนวดแผนไทยนะคะ ควรไปพบแพทย์ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องแพทย์ทางเลือก (ในกรณีที่ใครชอบแบบออกแนววิถีชาวบ้าน) ดูก่อนค่ะ ว่าควรจะทำการรักษาอย่างไร เพื่อที่จะได้ทำการรักษาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม อันดับห้า ข้อสุดท้ายนี้จะเป็นผล และอาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หากคุณผู้อ่านไม่เชื่อฟังทั้งสี่ข้อข้างบนตามที่บอก สำหรับผู้นวดที่มีปัญหาหลอดเลือดหรือความดันโลหิต การนวดแผนไทยอาจทำให้เกิดอาการหลอดเลือดแตกหรืออักเสบได้ แย่ไปกว่านั้นอาจทำให้เกิดความดันโลหิตสูงขึ้นอีกได้ด้วย นอกจากนั้นการนวดแผนไทยอาจทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อของกล้ามเนื้อ เนื้อเยื้อ หรืออวัยวะภายในอย่างไส้ติ่ง หรือกระเพาะอาหารได้ หากผู้นวดไม่มีความรู้พอ แล้วทำการนวดอย่างผิดรูปแบบ ซึ่งในกรณีที่แย่ที่สุดอาจทำให้เกิดอัมพาตได้เลยค่ะ ฟังดูแล้วก็น่ากลัวไม่ใช่เล่นเลยนะคะกับ 5 ข้อที่วงในบิวตี้สรรหามาเล่าสู่กันฟัง แต่อย่างไรก็ตามอาการเหล่านี้ก็ไม่ได้จะเกิดขึ้นง่าย ๆ หรอกค่ะ หากการนวดแผนไทยนั้นมีผู้นวดที่เรียนจบตามหลักสูตร มีความเชี่ยวชาญในด้านการนวดไทยอย่างแท้จริง ซึ่งตรงนี้ก็อาจจะวัดได้ยากหน่อย ปกติแล้วเราสามารถขอดูใบรับรองความเชี่ยวชาญกันได้ค่ะ หลาย ๆ คนอาจจะไม่ค่อยเคยทำ ก็ลองทำดูไม่เสียหายค่ะ นอกจากนั้นเรายังสามารถสังเกตได้จากสถานที่นวดแผนไทย ว่ามีใบรับรองอนุญาตให้ประกอบการหรือไม่ ถ้ามีก็ถือว่าน่าจะมั่นใจเรื่องความเชี่ยวชาญ และอนามัยไปได้ระดับหนึ่งค่ะ สุดท้ายสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เราต้องหมั่นตรวจสุขภาพร่างกายของตัวเอง เพื่อที่จะได้ปรนนิบัติร่างกายของเราอย่างถูกต้อง หากใครที่มีความเสี่ยงจากการที่เป็นโรคต่าง ๆ ที่บอกไปข้างบน ก็ควรจะปรึกษาแพทย์ถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่ร่างกายของเราสามารถเอาอยู่ ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้แค่ ความเมื่อยล้าเล็ก ๆ น้อย ๆ กลายมาเป็นต้นเหตุให้เกิดความเจ็บป่วยอื่น ๆ ตามมาค่ะ บทความโดย เกวลิน สิงหาคำ
Add Comment